การแพร่ขยายและการถ่ายทอดอารยธรรมอินเดีย
อินเดีย เป็นต้นสายธารทางวัฒนธรรม
ของชาติตะวันออก
( ชนชาติในทวีปเอเชีย )
หลายชาติ เป็นแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่
แห่งหนึ่งของโลก บางทีเรียกว่า
“แหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ”
( Indus Civilization )
อาจแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
ของอินเดียได้ดังนี้
1. สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ยุคโลหะ
ของอินเดียเริ่มเมื่อผู้คนรู้จักใช้ทองแดง
และสำริด เมื่อประมาณ 2,500 ปี
ก่อนคริสต์ศักราช
และรู้จักใช้เหล็กในเวลาต่อมา พบหลักฐานเป็นซากเมืองโบราณ 2 แห่ง
ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ คือ(1) เมืองโมเฮนโจ ดาโร ( Mohenjo Daro )
(2) เมืองฮารับปา ( Harappa ) ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถาน ในแคว้นปันจาป ประเทศปากีสถาน ในปัจจุบัน
(1) ประวัติศาสตร์สมัย
โบราณ เริ่มตั้งแต่การ
ถือกำเนิดตัวอักษรอินเดียโบราณ
ที่เรียกว่า “บรามิ ลิปิ” ( Brahmi lipi )
เมื่อประมาณ 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช
และสิ้นสุดในราวคริสต์ศตวรรษที่ 6
ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์คุปตะ ( Gupta )
เป็นยุคสมัยที่ศาสนาพราหมณ์
(2) ประวัติศาสตร์สมัยกลาง
เริ่มตั้งแต่เมื่อราชวงศ์คุปะสิ้นสุดลง
ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 6 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อกษัตริย์
มุสลิมสถาปนาราชวงศ์โมกุล ( Mughul ) และเข้าปกครองอินเดีย
(3) ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่ต้นราชวงศ์โมกุล
ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงการได้รับเอกราชจากอังกฤษ
ในปี ค.ศ. 1947
อารยธรรมอินเดียมีความเจริญรุ่งเรืองและมีอายุเก่าแก่
ไม่แพ้อารยธรรมแหล่งอื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. สมัยอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ( ประมาณ 2,500-1,500 ปี ก่อนคริสต์ศักราช )
ถือว่าเป็นสมัยอารยธรรม “กึ่งก่อนประวัติศาสตร์”
เพราะมีการค้นพบหลักฐานจารึกเป็นตัวอักษรโบราณแล้ว
แต่ยังไม่มีผู้ใดอ่านออก และไม่แน่ใจว่าเป็นตัวอักษรหรือภาษาเขียนจริง
หรือไม่ศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เมืองโมเฮนโจ – ดาโร และเมืองฮารัปปา
ริมฝั่งแม่น้ำสินธุประเทศปากีสถานในปัจจุบัน
สันนิษฐานว่าเป็นอารยธรรมของชนพื้นเมืองเดิม ที่เรียกว่า “ทราวิฑ”
หรือพวกดราวิเดียน ( Dravidian )
2. สมัยพระเวท
( ประมาณ 1,500-600
ปีก่อนคริสต์ศักราช )
เป็นอารยธรรมของชนเผ่า
อินโด-อารยัน ( Indo-Aryan )
ซึ่งอพยพมาจากเอเชียกลาง
เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุและคงคาโดยขับไล่ชนพื้น
เมืองทราวิฑให้ถอยร่นลงไปทางตอนใต้ของอินเดีย
สมัยพระเวทแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์
หลักฐานที่ทำให้ทราบเรื่องราวของยุคสมัยนี้ คือ “คัมภีร์พระเวท”
ซึ่งเป็นบทสวดของพวกพราหมณ์
นอกจากนี้ยังมีบทประพันธ์มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่อีก 2 เรื่อง
คือ มหากาพย์รามายณะและ มหาภารตะ บางที
จึงเรียกว่าเป็นยุคมหากาพย์ฮินดู และพระพุทธศาสนาได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
สรุปเหตุการณ์สำคัญมหากาพย์รามายณะ
3. สมัยพุทธกาล หรือสมัยก่อนราชวงศ์เมารยะ ( Maurya ) ประมาณ 600-300
ปีก่อนคริสต์ศักราช ) เป็นช่วงที่อินเดียถือกำเนิดศาสนาที่สำคัญ 2 ศาสนา
คือ ศาสนาพุทธและศาสนาเชน
4. สมัยจักรวรรดิเมารยะ ( Maurya ) ประมาณ 321-184 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
พระเจ้าจันทรคุปต์ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เมารยะได้รวบรวมแว่นแคว้น
ในดินแดนชมพู
ทวีปให้เป็นปึกแผ่นภายใต้จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกของอินเดีย
สมัยราชวงศ์เมารยะ พระพุทธศาสนาได้รับการอุปถัมภ์ให้เจริญรุ่งเรือง
โดยเฉพาะในสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช ( Asoka ) ได้
เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังดินแดนทั้งใกล้และไกล
รวมทั้งดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งเผยแพร่เข้าสู่แผ่นดินไทยในยุคสมัยที่ยังเป็นอาณาจักรทวารวดี
ศึกสองราชันย์ โปรุส และอเล็กซานเดอร์
5. สมัยราชวงศ์กุษาณะ ( ประมาณ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ.320 )
พวกกุษาณะ (Kushana ) เป็น ชนต่างชาติที่เข้ามารุกราน
และตั้งอาณาจักรปกครองอินเดียทางตอนเหนือ กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ คือ
พระเจ้ากนิษกะ รัชสมัยของพระองค์อินเดียมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้าน
ศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการแพทย์
นอก จากนั้น ยังทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ( นิกายมหายาน )
ให้เจริญรุ่งเรือง โดยจัดส่งสมณทูตไปเผยแพร่พระศาสนายังจีนและทิเบต
มีการสร้างพระพุทธรูปที่มีศิลปะงดงาม และสร้างเจดีย์ใหญ่
ที่เมืองเปชะวาร์
6. สมัยจักรวรรดิคุปตะ ( Gupta ) ประมาณ ค.ศ.320-550
พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 1 ต้นราชวงศ์คุปตะได้ทรงรวบรวมอินเดีย
ให้เป็นจักรวรรดิอีกครั้งหนึ่ง ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของอินเดีย
มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม
การเมือง การปกครอง
ปรัชญาและศาสนา ตลอดจนการค้าขายกับต่างประเทศ
7. สมัยหลังราชวงศ์คุปตะ หรือยุคกลางของอินเดีย ( ค.ศ.550 – 1206 )
เป็นยุคที่จักรวรรดิแตกแยกเป็นแคว้นหรืออาณาจักรจำนวนมาก
ต่างมีราชวงศ์แยกปกครองกันเอง
8. สมัยสุลต่านแห่งเดลฮี หรืออาณาจักรเดลฮี ( ค.ศ. 1206-1526 )
เป็นยุคที่พวกมุสลิมเข้ามาปกครองอินเดีย มีสุลต่านเป็นผู้ปกครอง
ที่เมืองเดลฮี
9. สมัยจักรวรรดิโมกุล ( Mughul ) ประมาณ ค.ศ. 1526 – 1858 พระเจ้าบาบูร์
ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โมกุลได้รวบรวมอินเดียให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง
ได้ชื่อว่าเป็นจักรวรรดิอิสลามและเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอินเดีย
โดยอินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี ค.ศ. 1858
กษัตริย์ราชวงศ์โมกุลที่ยิ่งใหญ่ คือ พระเจ้าอักบาร์มหาราช ( Akbar )
ทรงทะนุบำรุงอินเดียให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน
และในสมัยของชาห์
เจฮัน ( Shah Jahan ) ทรงสร้าง “ทัชมาฮัล” ( Taj Mahal )
ซึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก เป็นงานสถาปัตยกรรมที่
ผสมผสานศิลปะอินเดียและเปอร์เซียที่มีความงดงามยิ่ง
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น