วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562

อารยธรรมอินเดีย

การแพร่ขยายและการถ่ายทอดอารยธรรมอินเดีย



  อินเดีย เป็นต้นสายธารทางวัฒนธรรม
ของชาติตะวันออก
 ( ชนชาติในทวีปเอเชีย )
 หลายชาติ เป็นแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่
แห่งหนึ่งของโลก บางทีเรียกว่า 
แหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ
 ( Indus Civilization ) 
อาจแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
ของอินเดียได้ดังนี้
1.  สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ยุคโลหะ
ของอินเดียเริ่มเมื่อผู้คนรู้จักใช้ทองแดง
และสำริด เมื่อประมาณ 2,500 ปี 
ก่อนคริสต์ศักราช 
และรู้จักใช้เหล็กในเวลาต่อมา พบหลักฐานเป็นซากเมืองโบราณ 2 แห่ง
 ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ คือ(1) เมืองโมเฮนโจ ดาโร ( Mohenjo Daro ) 
ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถาน


(2) เมืองฮารับปา ( Harappa ) 
ในแคว้นปันจาป ประเทศปากีสถาน
ในปัจจุบัน

 (1) ประวัติศาสตร์สมัย
โบราณ เริ่มตั้งแต่การ
ถือกำเนิดตัวอักษรอินเดียโบราณ 
ที่เรียกว่า บรามิ ลิปิ ( Brahmi lipi ) 
เมื่อประมาณ 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช 
และสิ้นสุดในราวคริสต์ศตวรรษที่ 6 
ซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์คุปตะ ( Gupta )
เป็นยุคสมัยที่ศาสนาพราหมณ์ 











(2) ประวัติศาสตร์สมัยกลาง 
เริ่มตั้งแต่เมื่อราชวงศ์คุปะสิ้นสุดลง
 ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 6 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อกษัตริย์
มุสลิมสถาปนาราชวงศ์โมกุล ( Mughul ) และเข้าปกครองอินเดีย
 (3) ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เริ่มตั้งแต่ต้นราชวงศ์โมกุล 
ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 จนถึงการได้รับเอกราชจากอังกฤษ 
ในปี ค.ศ. 1947




อารยธรรมอินเดียมีความเจริญรุ่งเรืองและมีอายุเก่าแก่

ไม่แพ้อารยธรรมแหล่งอื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1.  สมัยอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ( ประมาณ 2,500-1,500 ปี ก่อนคริสต์ศักราช )
 ถือว่าเป็นสมัยอารยธรรม กึ่งก่อนประวัติศาสตร์
 เพราะมีการค้นพบหลักฐานจารึกเป็นตัวอักษรโบราณแล้ว
แต่ยังไม่มีผู้ใดอ่านออก และไม่แน่ใจว่าเป็นตัวอักษรหรือภาษาเขียนจริง
หรือไม่ศูนย์กลางความเจริญอยู่ที่เมืองโมเฮนโจ – ดาโร และเมืองฮารัปปา
 ริมฝั่งแม่น้ำสินธุประเทศปากีสถานในปัจจุบัน 
สันนิษฐานว่าเป็นอารยธรรมของชนพื้นเมืองเดิม ที่เรียกว่า ทราวิฑ 
หรือพวกดราวิเดียน ( Dravidian )


2.  สมัยพระเวท
 ( ประมาณ 1,500-600 
ปีก่อนคริสต์ศักราช )
 เป็นอารยธรรมของชนเผ่า
อินโด-อารยัน Indo-Aryan ) 
ซึ่งอพยพมาจากเอเชียกลาง 
เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุและคงคาโดยขับไล่ชนพื้น 
เมืองทราวิฑให้ถอยร่นลงไปทางตอนใต้ของอินเดีย
สมัยพระเวทแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์ 
หลักฐานที่ทำให้ทราบเรื่องราวของยุคสมัยนี้ คือ คัมภีร์พระเวท” 
ซึ่งเป็นบทสวดของพวกพราหมณ์ 
นอกจากนี้ยังมีบทประพันธ์มหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่อีก 2 เรื่อง 
คือ มหากาพย์รามายณะและ มหาภารตะ บางที
จึงเรียกว่าเป็นยุคมหากาพย์ฮินดู และพระพุทธศาสนาได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

สรุปเหตุการณ์สำคัญมหากาพย์รามายณะ

3.  สมัยพุทธกาล หรือสมัยก่อนราชวงศ์เมารยะ ( Maurya ) ประมาณ 600-300 
ปีก่อนคริสต์ศักราช ) เป็นช่วงที่อินเดียถือกำเนิดศาสนาที่สำคัญ 2 ศาสนา 
คือ ศาสนาพุทธและศาสนาเชน
4.  สมัยจักรวรรดิเมารยะ ( Maurya ) ประมาณ 321-184 ปี ก่อนคริสต์ศักราช 
พระเจ้าจันทรคุปต์ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์เมารยะได้รวบรวมแว่นแคว้น
ในดินแดนชมพู 
ทวีปให้เป็นปึกแผ่นภายใต้จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกของอินเดีย 
สมัยราชวงศ์เมารยะ พระพุทธศาสนาได้รับการอุปถัมภ์ให้เจริญรุ่งเรือง 
โดยเฉพาะในสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช ( Asoka ) ได้ 
เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังดินแดนทั้งใกล้และไกล 
รวมทั้งดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 
ซึ่งเผยแพร่เข้าสู่แผ่นดินไทยในยุคสมัยที่ยังเป็นอาณาจักรทวารวดี

ศึกสองราชันย์ โปรุส และอเล็กซานเดอร์ 

 5.  สมัยราชวงศ์กุษาณะ ( ประมาณ 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ.320 ) 
พวกกุษาณะ (Kushana ) เป็น ชนต่างชาติที่เข้ามารุกราน
และตั้งอาณาจักรปกครองอินเดียทางตอนเหนือ กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ คือ 
พระเจ้ากนิษกะ รัชสมัยของพระองค์อินเดียมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้าน
ศิลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการแพทย์
นอก จากนั้น ยังทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ( นิกายมหายาน )
 ให้เจริญรุ่งเรือง โดยจัดส่งสมณทูตไปเผยแพร่พระศาสนายังจีนและทิเบต 
มีการสร้างพระพุทธรูปที่มีศิลปะงดงาม และสร้างเจดีย์ใหญ่
ที่เมืองเปชะวาร์

6.  สมัยจักรวรรดิคุปตะ ( Gupta ) ประมาณ ค.ศ.320-550 

พระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 1 ต้นราชวงศ์คุปตะได้ทรงรวบรวมอินเดีย

ให้เป็นจักรวรรดิอีกครั้งหนึ่ง ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของอินเดีย 

มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม 
การเมือง การปกครอง 

ปรัชญาและศาสนา ตลอดจนการค้าขายกับต่างประเทศ

 7.  สมัยหลังราชวงศ์คุปตะ หรือยุคกลางของอินเดีย ( ค.ศ.550 – 1206 ) 
เป็นยุคที่จักรวรรดิแตกแยกเป็นแคว้นหรืออาณาจักรจำนวนมาก
 ต่างมีราชวงศ์แยกปกครองกันเอง
 8.  สมัยสุลต่านแห่งเดลฮี หรืออาณาจักรเดลฮี ( ค.ศ. 1206-1526 ) 
เป็นยุคที่พวกมุสลิมเข้ามาปกครองอินเดีย มีสุลต่านเป็นผู้ปกครอง
ที่เมืองเดลฮี
 9.  สมัยจักรวรรดิโมกุล ( Mughul ) ประมาณ ค.ศ. 1526 – 1858 พระเจ้าบาบูร์ 
ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โมกุลได้รวบรวมอินเดียให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง 
ได้ชื่อว่าเป็นจักรวรรดิอิสลามและเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอินเดีย 
โดยอินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี ค.ศ. 1858
           กษัตริย์ราชวงศ์โมกุลที่ยิ่งใหญ่ คือ พระเจ้าอักบาร์มหาราช ( Akbar ) 
ทรงทะนุบำรุงอินเดียให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน 
และในสมัยของชาห์ 
เจฮัน ( Shah Jahan ) ทรงสร้าง ทัชมาฮัล” ( Taj Mahal ) 
ซึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก เป็นงานสถาปัตยกรรมที่
ผสมผสานศิลปะอินเดียและเปอร์เซียที่มีความงดงามยิ่ง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น